วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีกว่า

ครั้งหนึ่งในหน้าร้อนพี่เพ็ญได้มีโอกาสไปสัมผัสมัลดีฟส์กับคณะแฟนคลับ เป๊ก ออฟ ไอซ์ และทีมงาน ที่คลับเมด คานิ ช่วงเวลา 4 วัน 3 คืน ที่เกาะมัลดีฟส์ทำให้พี่เพ็ญถึงกับตกหลุมรัก..กับท้องทะเล ท้องฟ้าใส และโลกใต้น้ำที่นั่นซะแล้วสิ :P

ClubMed Kani Resort
หลีกหนีความวุ่นวายในกรุงเทพ ไปยังเกาะสวรรค์ที่มัลดีฟส์
พี่เพ็ญเดินทางไปถึงมัลดีฟส์ตอนกลางคืน ประมาณทุ่มครึ่ง เครื่องบินแล่นลงจอดที่สนามบินมาเล่ แห่งมัลดีฟส์ซึ่งเป็นสนามบินเล็กๆ ให้ความรู้สึกคล้ายๆสนามบินที่ภูเก็ต ใจเธอเต้นตึกตักเพราะได้มาถึงยังมัลดีฟส์เกาะในฝันซะทีหลังจากอยู่บนเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมง พอก้าวเดินออกมาผ่าน ต.ม. แล้วเธอก็เจอเคาน์เตอร์ของรีสอร์ทต่างๆ เรียงรายอยู่ตรงหน้า พร้อมให้นักท่องเที่ยวเช็คอินได้อย่างสะดวก ไปถึงเจ้าหน้าที่ต้อนรับของคลับเมดที่สามารถพูดภาษาไทยได้ ก็มารับหมู่คณะด้วยรอยยิ้ม แล้วก็พาไปลงเรือ Speed boat ที่ท่าเรือใกล้สนามบิน เรือสามารถจุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 40 คนถือว่าใหญ่พอสมควรทีเดียว ถึงแม้ว่าการเดินทางทางเรือในตอนกลางคืนหลายคนอาจจะคิดว่าน่ากลัว แต่พี่เพ็ญบอกว่า “ไม่เลยค่ะ สบายๆ…”แม้ข้างนอกจะมืดมองไม่เห็นอะไร แต่พนักงานก็ทำ
ให้รู้สึกว่าไม่น่ากลัว (ความจริงเพราะไปกันอยู่หลายคนบนเรือ .. 555) นั่งเรือไปประมาณ 30 นาที ก็ไปถึงยังรีสอร์ท ตอนนั้นเวลาก็ประมาณสองทุ่มกว่า ก้าวเท้าลงไปก็มีพนักงานออกมาต้อนรับ ร้องเพลง จับมือเช็คแฮนด์ประดุจเราเป็นแขกคนสำคัญของประเทศ บรรยากาศช่างดูคึกคัก ถึงแม้จะค่ำแล้ว ... อ๋อเพราะว่าที่รีสอร์ททุกเย็นจะมี Theme party เช่นคืนที่พี่เพ็ญไปถึงก็จะเป็นTheme สีขาวทั้งหมด พนักงานทุกคนเลยพร้อมใจกันใส่สีขาวออกมาต้อนรับ พนักงานพาคณะเดินทางออกไปยังห้องพัก โดยห้องพักของคลับเมด จะมี 3 ลักษณะคือ บ้านกลางน้ำ หรือ Lagoon และ บ้านริมชายหาด และห้องพักบนตึก ซึ่งราคาจะแตกต่างกันออกไป ห้องแบบ Lagoon จะหรูสุดและแพงสุด เหมาะกับคู่ฮันนีมูน (ห้อง Lagoon เค้าจะไม่ให้เด็กต่ำกว่า 14 พักนะคะ เพราะกลัวน้องหนูจะลงไปว่ายน้ำตามเจ้าเต่าทะเลไปวังบาดาล ถ้าคุณพ่อคุณแม่ดูแลไม่ทั่วถึง) แต่พักบน Beach หรือห้องในตึกก็บรรยากาศดีเหมือนกัน พี่เพ็ญพักอยู่ในห้องแบบ Superior บนตึกค่ะ พอไปเก็บข้าวของที่ห้องพักเรียบร้อย ก็ออกมาทานอาหารเย็น ซึ่งเป็นบุฟเฟต์นานาชาติให้ทานได้จุใจเลย แถมยังมีไวน์แดง ไวน์ขาว และแอลกอฮอล์ดริ๊งค์สาระพัดให้ไม่จำกัดอีกด้วย บุฟเฟต์ตรงนี้ทานได้ถึงประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากนั้นก็จะมีกิจกรรมที่โซนของบาร์ ซึ่งมีสองโซนคือ แคนูบาร์ (Canoe Bar) และ ซันเซ็ทบาร์ (Sunset Bar) ซึ่งสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรม Drink & Dance ในบรรยากาศสบายๆได้อย่างเต็มที่

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)


ส่วนถ้าใครไม่อยากแดนซ์ก็ออกมานั่งชิลล์รับลมตรงชายหาด ซึ่งเค้าจะมีการจัดที่นั่งเหมือนเป็นเปลตาข่ายยื่นลงไปในทะเล ให้นั่งมองจันทร์ชมดาวกันตามอารมณ์โรแมนติก พอมองลงไปใต้เปลนั้นก็จะได้อารมณ์ตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะจะเห็น Baby Shark หรือลูกปลาฉลามว่ายวนไปวนมาอยู่บริเวณไกล้ๆ (ไม่ได้มาว่ายรอกินเรานะ เพราะเค้าไม่กัดคนหรอกค่ะถ้าเราไม่ไปทำอะไรมันก่อนนะ...)


เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)


เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)
ช้าวันใหม่อันแสนจะสดใสที่มัลดีฟส์
พี่เพ็ญเล่าว่าตื่นเช้าขึ้นมาในมัลดีฟส์ช่างสดชื่นอะไรเช่นนี้เหมือนตื่นขึ้นมาในแดนสวรรค์ (... ถึงตอนนี้คนฟังชักจะอิจฉาจนทนไม่ไหว ตั้งมั่นว่าจะต้องเก็บออมเพื่อไปมัลดีฟส์บ้างให้ได้) แถมยังรู้สึกว่ามีอะไรน่าตื่นเต้นรออยู่อีกเพียบ ตอนเช้าทุกเช้าที่รีสอร์ทจะมีการจัด Aqua Gym หรือการบริหารร่างกายในน้ำ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของแขกที่มาพักทั้งหลาย

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)


บริหารร่างกายกันเสร็จก็เตรียมพร้อมที่จะออกเรือไปผจญภัยเพื่อพบปะกับชุมชนโลกใต้น้ำที่มัลดีฟส์กัน แต่ว่าก่อนจะออกไปร่างกายก็ต้องพร้อมนะคะ โดยทุกคนที่จะออกเรือไปจะต้องผ่านการทดสอบว่ายน้ำกันก่อน ให้ว่ายไปกลับประมาณ 50 เมตร ผ่านก็เป็นอันใช้ได้ กระโดดขึ้นเรือกันได้เลย :P
นั่งเรือออกไปประมาณ 30 นาทีก็ถึงจุดดำน้ำ น้ำทะเลที่มัลดีฟส์ดูต่างจากหมู่เกาะสุรินทร์ที่พี่เพ็ญเคยไปดำมาก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะสีของน้ำแลดูจะเข้มกว่า เป็นสีน้ำเงินเข้ม ไม่เหมือนหมู่เกาะสุรินทร์ที่เป็นสีเขียวมรกต พอกระโดดลงไปปุ๊บ เข้าใจเลยว่าทำไมสีมันเข้มนัก แว๊บแรกที่ก้มมองลงไปใต้ผิวน้ำพี่เพ็ญต้องตกกะใจ เสียววาบบบ .. เพราะว่ามันลึกจนมองไม่เห็นพื้นทะเลเลยทีเดียว เหมือนเป็นเหวลงไป แต่ด้วยสปิริตแรงฮึต (และด้วยการช่วยเหลือของ Staff ของรีสอร์ทอย่างใกล้ชิด) ทำให้เร่งตีตีนกบตะเกียกตะกายต่อไปจนถึงจุดที่เป็นจุดส่องดูปะการัง (การที่เรือไม่เข้าไปปล่อยตรงจุดมองปะการังเลยเพราะว่าเรืออาจจะไปทำร้ายปะการังเหล่านั้นได้) แต่เธอก็บอกว่ามันช่างคุ้มค่าจริงๆ มุมมองอันน่ากลัวของแว่บแรกที่เธอมองลงไปในน้ำหายไปในพริบตา กลับกลายเป็นทิวทัศน์ใต้น้ำอันแสนสวย จนเกือบจะอ้าปากค้าง (แต่อ้าปากไม่ได้เพราะเดี๋ยวหน้ากากอ็อกซิเจนหลุด .. เหะๆๆ :P)
โลกใต้ท้องทะเลในมัลดีฟส์ในความเห็นของพี่เพ็ญแตกต่างจากในเมืองไทย เพราะว่าวิวมุมมองใต้ท้องทะเลเป็นเว้งกว้างกว่า สามารถทอดสายตาออกไปได้กว้างกว่า และปะการังที่มัลดีฟส์เนี่ยสมบูรณ์มากดอกไม้ทะเลพริ้วไหวเต็มไปหมด หมู่ปลาสีสันสดใสดูมีชีวิตชีวา ดำน้ำอยู่ตรงนั้นได้ประมาณ 20 นาที ก็พากันกลับขึ้นเรือ
จุดหมายต่อไปคือการไปชมฝูงโลมา พี่เพ็ญบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็น ฝูงโลมาน่าจะเกือบ 20 ตัวได้ มาว่ายน้ำกระโดดไปมาทักทายคนบนเรือ ทำให้พี่เพ็ญอยากจะกระโดดลงไปว่ายน้ำกับโลมาเหล่านั้นด้วยซะเลย แต่เสียดายที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต 555+ อย่างไรก็ตามเจ้าโลมาน่ารักเหล่านั้นทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขไปตามๆกัน เสียดายที่จับภาพไม่ค่อยทัน ดูตัวอย่างวีดีโอที่นักท่องเที่ยวคนอื่นถ่ายมาเป็นไอเดียละกันนะคะ :)


เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)
กลับมาผ่อนคลายอารมณ์ในรีสอร์ท
นอกจากจะดื่มด่ำบรรยากาศริมชายหาดที่รีสอร์ท และออกไปดำน้ำ และดูปลาโลมาแล้ว ที่รีสอร์ทก็มีกิจกรรมให้ได้สนุกกันมากมาย เช่นพายเรือแคนู เล่นเรือใบ และกิจกรรมริมชายหาดต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าไปมัลดีฟส์แค่สามวันเนี่ย มันช่างสั้นซะจริง จริ๊ง วันที่จะต้องขึ้นเครื่องกลับเนี่ยมองทะเลออกไปแล้วรู้สึกว่า เฮ้อเมื่อไหร่เราจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกน๊า ต้องกลับไปเผชิญความวุ่นวายอีกละ ... แง๊ ทะเลจ๋าอยากอยู่ต่อจังเลย T_T

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)

เที่ยวมัลดีฟส์ (Maldives)
ส่งท้ายความประทับใจ
จากประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ผ่านมา ถ้าเทียบมัลดีฟส์ กับแหล่งท่องเที่ยวที่เคยได้ไปที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงก็ น่าจะเป็น บาหลี มนต์ขลังของธรรมชาติและความโรแมนติกมีดีกรีอาจจะพอๆกัน แต่สไตล์การเที่ยวบาหลีจะโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น และธรรมชาติเขียวชะอุ่ม และการตกแต่งภายในรีสอร์ทอันสวยมีสไตล์กลิ่นอายศิลปะ แต่สำหรับมัลดีฟส์สิ่งที่ประทับใจที่สุดคงเป็นความงามของท้องทะเล และการใช้ชีวิตอยู่กับท้องทะเล แค่ได้นอนเล่นริมทะเลบนเกาะก็มีความสุขสุดๆแล้ว ได้ละความวุ่นวายมาอยู่กับมนต์ขลังของท้องทะเลสีฟ้าใส และหมู่ปลาที่เป็นมิตร ทำให้รู้สึกว่ามาเที่ยวแบบนี้สิ คือการชาร์จพลังให้กับชีวิตอย่างแท้จริง ทะเลที่มัลดีฟส์ยังคงอยู่ในความทรงจำเสมอ ตอนนี้พี่เพ็ญเริ่มทำตาซึ้งด้วยแววตาเป็นประกายและบอกว่าหวังว่าจะได้มีโอกาสนำพานักท่องเที่ยวที่น่ารักกลับไปเยือนมัลดีฟส์ด้วยกันอีกสักครั้ง(... รวมทั้งคนเขียนด้วย .. 555+ เฮ่อ... เพิ่งได้ยินเรื่องราวตามสายมาว่า เกาะมัลดีฟส์อาจจะโดนน้ำท่วมในอนาคตเพราะภาวะโลกร้อน ฟังแล้วก็ใจหาย ขอให้อย่าเป็นอย่างนั้นเลยนะ คงต้องช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ ประหยัดพลังงานและลดการใช้สิ่งของที่จะทำให้เกิดภาวะโลกร้อนนะคะ เกาะมัลดีฟส์จะได้อยู่กับเราตลอดไป.... แต่คิดแล้วยังไง๊ ยังไง ก็ต้องรีบหาเวลาไปเที่ยวมัลดีฟส์เร็วๆนี้แล้วล่ะค่ะ V[^ ^]!! )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น